Sat. May 18th, 2024

หากอยู่ ๆ ก็ได้รับข่าวร้าย ว่าเราเป็นหนี้สินจำนวนหนึ่ง จากการทำธุรกรรมบางอย่าง เมื่อเช็คไปยังบริษัทต้นทาง จึงได้รู้ว่าเราได้ให้สิทธิผู้อื่นไปทำธุรกรรมการเงินในชื่อของเราเมื่อนานมาแล้ว และคนผู้นั้นไม่ได้จัดการภาระหนี้สินให้จบกระบวนความ สุดท้ายกลายเป็นเรา ต้องเป็นหนี้ไปโดยปริยาย

ในบทความนี้ จะมีทั้งประสบการณ์ส่วนตัว และประสบการณ์ของคนใกล้ตัว ว่ามีอะไรบ้างที่เราควรระวังเอาไว้ให้มาก เพราะนอกจากมีโอกาสต้องเป็นหนี้แทนผู้อื่นแล้ว ยังมีศัตรูมาเพิ่มอีกด้วย

ไม่อยากเครียดเรื่องเงิน ต้องอ่าน 5 ข้อต่อไปนี้

1.ห้ามให้ผู้อื่นยืมบัตรเดรดิต

ไม่มีเหตุผลอะไรเลย ที่เราต้องให้ผู้อื่นยืมบัตรเครดิตเราไปใช้ และห้ามคิดเรื่องการสะสมแต้มต่าง ๆ ให้เราคิดเอาไว้ก่อนเลยว่า หากเค้ามาขอยืมบัตรเรา แสดงว่าบัตรเค้าต้องใช้เต็มวงเงินไปแล้วแน่ ๆ และเสี่ยงที่จะไม่มีเงินจ่ายรายเดือนด้วย ดังนั้นเรื่องนี้เพื่อนเราเจอมากับตัว ถึงขั้นต้องบังคับให้ทำสัญญาเงินกู้กันเอาไว้ และไปลงบันทึกประจำวันมาแล้ว กว่าจะสะสางกันได้ก็ใช้เวลาร่วมปี หลังจากนั้นก็มองหน้ากันไม่ติดอีกเลย

2.ห้ามผ่อนสินค้าให้คนอื่น

สมัยก่อนตอนทำงานประจำ เรามักจะคุยกับเพื่อน ๆ เรื่องสินค้าผ่อน 0% เสมอ เผื่อมีอะไรจำเป็น ก็จะซื้อไว้ใช้ที่บ้าน แต่จะมีคนประเภทที่ไม่เกรงใจคนอื่น กล้าเอ่ยปากขอใช้สิทธิของเราผ่อนสินค้า แรก ๆ ก็จ่ายชำระดี พอเข้าเดือนที่ 5 เท่านั้นแหละ มักจะมีข้ออ้างสารพัดที่จะไม่จ่าย ยังไม่พอให้เราออกก่อนอีกด้วย เพราะรู้ว่ายังไงเราก็ไม่ยอมเสียเครดิต ดีนิดหนึ่งที่ทำงานที่เดียวกัน เห็นกันทุกวัน แต่ก็ตามทวงกันอยู่ทุกเดือน หลังจากนั้นก็ไม่สนิทใจกันอีกเลย

3.ห้ามค้ำประกันเงินกู้

ไม่ว่าจะเป็นเพราะเคยช่วยเหลือกันมา หรือเหตุใดก็ตาม ที่ทำให้เราต้องยอมเซ็นค้ำประกันให้คนอื่น ก็ให้รู้เอาไว้เลยว่า เรายอมเป็นหนี้แทนคนอื่นไปแล้วทางนิตินัย และเมื่อลูกหนี้ตัวจริงไม่จ่ายชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันก็จะต้องถูกทวงหนี้ทันที 

ตัวอย่าง : ญาติเราคนหนึ่งค้ำประกันรถยนต์ให้กับคนรู้จัก เมื่อเค้าหายตัวไป เจ้าหนี้ก็ตามเอาที่คนค้ำประกัน ซ้ำร้ายหายไปพร้อมรถยนต์คันนั้นด้วย จึงต้องยอมชดใช้หนี้ไปตามกฎหมาย จำนวนเงินมากถึง 300,000 บาท จากนั้นก็ทำได้เพียงวิธีไล่เบี้ยเท่านั้น ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังตามไม่ได้อยู่ดี

4.ห้ามกู้เงินแบบกลุ่ม (ค้ำประกันเป็นวง)

เพราะเราอาจโดนเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดได้ โดยเฉพาะในเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เพราะการกู้เงินแบบกลุ่ม เป็นเรื่องของความรัดกุมของสถาบันการเงิน เมื่อคนใดคนหนึ่งไม่จ่าย อีก 2 คน ก็มีหน้าที่ต้องชำระแทน ดังนั้นการจับกลุ่มกู้เงิน เราอย่าคิดแต่เพียงว่า หาคนมาให้ครบเป็นพอ แต่ต้องสืบให้ถี่ถ้วนด้วยว่า เพื่อนของเราทุกคน มีประวัติการเงินดีมากน้อยแค่ไหนด้วย เพราะหากคนใดคนหนึ่งไม่จ่ายขึ้นมา ก็เท่ากับว่าเรา ๆ ที่เหลือ ต้องรับผิดชอบไปโดยปริยาย ท้ายที่สุดต้องไปไล่เบี้ยกันเอาเอง

5.ระวังถูกขโมยข้อมูลไปทำบัตรเครดิต

ให้ระวัง!! กรณีที่มีเจ้าหน้าที่มาช่วยทำบัตรเครดิตให้ถึงทำงาน  เราต้องจำให้ได้ว่า เราเซ็นเอกสารไปกับบริษัทหรือสถาบันการเงินไหนบ้าง แล้วผ่านการอนุมัติกี่ที่ เช่น ยื่น 4 ที่ จำได้ว่าได้รับอนุมัติ 2 ที่ แต่วันดีคืนดี เราไปทำธุรกรรมอื่น ๆ กลับมีข้อมูลว่าเราติดเครดิตบูโร ของสถาบันการเงินหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยได้รับการอนุมัติบัตร และไม่เคยใช้งานเลย

ในกรณีนี้ ให้เรานำรายงานเครดิตบูโร เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ว่ารายงานนี้เป็นเท็จ และชี้แจงความเป็นจริงที่เรามีเพิ่มเข้าไป อย่าลืมถ่ายสำเนาเอาไว้ และส่งเอกสารไปยังบริษัทต้นเรื่อง เพื่อตรวจสอบ หากมีรายละเอียดใด ๆ ต้องชี้แจงเพิ่มเติม ก็ให้ดำเนินการไปตามระบบที่ทางเครดิตบูโรแจ้งเข้ามาอีกครั้ง อย่าได้วางใจในบริษัทหรือสถาบันการเงิน เพราะเจ้าหน้าที่ธนาคารไม่ได้บริสุทธิ์ใจทุกคน

ทั้งหมดนี้ เป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้เราจะเป็นหนี้แบบไม่รู้ตัวด้วยกันทั้งสิ้น การไม่ยอมให้ผู้อื่นมายุ่งเกี่ยวกับการเงินของเรา จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด หลาย ๆ ครั้งพบว่า การเคยช่วยเหลือกันมาช้านาน ทำให้ปฏิเสธลำบาก แต่เราสามารถช่วยเหลือกันในช่องทางอื่น ๆ ได้อีกมากมาย ที่ไม่ต้องเสี่ยงกับภาระหนี้สินในอนาคต แต่หากอีกฝ่ายไม่รับไว้ ก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้เช่นกัน