ทำไมต้องออมเงิน? เชื่อไหมว่า มีคนพูดประโยคนี้ ไม่แน่ใจว่า พูดเพราะแค่สนุกปาก หรือออกมาจากความรู้สึกกันแน่ แต่ฟังแล้วรู้สึกของขึ้น…!! ถ้าเราไม่ออมเงินหรือไม่เอามันไปลงทุนให้เกิดมูลค่าเพิ่มขึ้นมา แล้วชีวิตของเราในวันที่ฉุกเฉินจะเป็นยังไง ในวันที่เราดูแลตัวเองไม่ได้ แต่เราก็ต้องใช้เงิน เพื่อให้คนที่มาดูแลเค้ามีไว้ใช้จ่ายกับตัวเรานั่นแหละ และอีกสารพัดปัญหาที่เราไม่ได้อยากให้มันเกิด แต่ก็ต้องหาเงินมาแก้ปัญหานั้นอยู่ดี เราไปดูกันว่ามีอะไรที่ทำให้คนเรา ไม่คิดที่จะออมเงินหรือไม่มีเงินเก็บกัน
7 สิ่งที่คุณไม่เคยเห็นความสำคัญของการออมเงิน
1.เงินทองของนอกกาย
พูดกันสนุกปากว่า “เงินทองของนอกกาย ไม่ตายหาเอาใหม่” ตอนพูดเล่นกันก็สนุกอยู่หรอก แต่พอเกิดปัญหาจริงๆ ขึ้นมา ไม่มีเงินสำรองเอาไว้ มีชีวิตอยู่ยังไงก็เดือดร้อนอยู่ดี บางคนอาจมีพ่อแม่คอยช่วย แต่ก็ต้องไปรบกวนท่าน บางคนไม่ได้คาบช้อนทองออกมา ก็ต้องไปหาหยิบยืมคนอื่นอยู่ร่ำไป ยืมจนเพื่อนฝูงเริ่มไม่อยากคบหา เพราะไม่จ่ายคืนเค้านั่นแหละ ไม่ตายก็เหมือนตายทั้งเป็นกันละหนา แล้วจะมานั่งเสียใจว่า “รู้อะไร ไม่สู้รู้งี้” คิดถึงการออมเงินให้มาก ๆ จะได้ไม่เสียใจทีหลัง
2.ออมเงินเมื่อไหร่ก็ได้
เพราะ “ชีวิตมีวันพรุ่งนี้เสมอ” เราก็เลยบอกตัวเองไปเรื่อย ๆ ว่าพรุ่งนี้ค่อยออมเงิน วันนี้ขอไปเที่ยว ไปใช้ชีวิตก่อน อยากกินอะไร-กิน!! อยากซื้ออะไร-ซื้อ!! ตายไปไม่ได้ซื้อ ไม่ได้กิน ก็เพราะคิดแบบนี้ไง กิน ๆ ซื้อ ๆ จนเงินไม่เหลือเพื่อการออมเลย อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ลองดูในกระเป๋าเงินตัวเอง มีเหรียญก็เอาไปหยอดกระปุกไว้ มีแบงค์ 20 , 50 ก็หยอดเข้าไปด้วยก็ได้ อีก 3 เดือนข้างหน้า อาจได้ใช้ประโยชน์จากเงินออมพวกนี้ก็ได้
3.เผลอเป็นหนี้เยอะเกินจะออมเงินได้
เพราะการไม่วางแผนการออมเงิน รวมถึงไม่วางแผนในการเป็นหนี้ อยากได้อะไรก็รูดเอา ๆ มาดูอีกที เงินขั้นต่ำที่ต้องจ่าย พอเอามารวมกันแล้ว ปาเข้าไปมากกว่าครึ่งหนึ่งของเงินเดือน ก็เท่ากับว่าผิดหลักการออมเงินอย่างมาก มีคำแนะนำว่าให้เป็นหนี้แค่เพียง 1ใน3 ของรายได้ทั้งหมด แต่การเป็นหนี้มากกว่า 50% ของรายได้ จะทำให้แผนการออมเงินหลุดลอยไปทันที ดังนั้นเพื่อไม่ให้สายจนเกินแก้ ก็อย่าไปเป็นหนี้เพิ่ม พยายามลดหนี้ให้หมดไปทีละตัว จนเหลือ 1 ใน 3 ของรายได้ แล้ววางแผนการออมเงินต่อไป
4.ได้ดอกเบี้ยน้อย ลงทุนดีกว่า
มีความถูกต้องที่การออมเงินเป็นเงินสด จะได้ดอกเบี้ยน้อย มูลค่าไม่เพิ่ม นานไปก็มีแต่จะลดลงเพราะภาวะเงินเฟ้อ ทีนี่ก็เลยคิดว่าเอาเงินไปลงทุนดีกว่า ซึ่งก็เป็นเรื่องที่นักการเงินมักจะแนะนำเช่นกัน อย่าลืมคิดถึงความเสี่ยงที่จะรับได้กันด้วย มีคนส่วนใหญ่ นำเงินออมที่เป็นเงินเย็น ไปซื้อสลาก ธกส. / สลาก ธอส. ได้เสี่ยงโชค ได้ดอกเบี้ยเล็กน้อย เงินต้นอยู่ครบ แถมหากฉุกเฉินก็ถอนออกมาใช้ได้ เสียค่าธรรมเนียมเล็กน้อย ถือว่าคุ้มค่ากว่าการฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์อยู่นะ
5.ติดการพนันหนักมาก
เรื่องนี้นอกจากเป็นปัญหาส่วนตัว นิสัยส่วนตัวแล้ว ก็กลายมาเป็นปัญหาครอบครัว ปัญหาสังคมเข้าไปอีก อย่าไปพูดเรื่องการออมเงินกับคนเหล่านี้เลย แค่มีเงินให้เล่นการพนันได้ก็สุขใจแล้ว แต่พอแพ้พนันกลับสร้างปัญหาขึ้นมามากมาย ดังนั้นการพนันไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน หากเราโลภมาก คิดรวยทางลัดขึ้นมาเมื่อไหร่ละก็ เอาเป็นว่าหายนะของชีวิต รออยู่ข้างเลยละกัน
6.เจ้าสำราญเปย์ไม่อั้น
มาถึงคิวของสายเปย์กันบ้าง บางคนเงินเดือนสูง ทำบัตรเครดิตไว้หลายใบ แถมต้องสังสรรค์กับเพื่อนอยู่บ่อย ๆ ยิ่งบ่อยแค่ไหน ก็ต้องจ่าย ต้องแชร์กันมากเท่านั้น รูดกันจนเต็มวงเงิน มาดูบิลอีกทีลมแทบจับ บางทีไปรูดที่ไหนมาบ้าง ยังจำไม่ค่อยได้เลย ดังนั้นให้ระวังให้มาก ใช้บัตรเครดิตให้เป็นประโยชน์ ถ้าใช้เป็นแทบไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเลย ได้สิทธิประโยชน์อีกแยะแยะ แต่ถ้าไม่ระวัง จะกลายเป็นโทษมหันต์ในทันที เงินเดือนที่ได้มาคงต้องนำไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตให้หมดก่อน เรื่องการออมว่ากันทีหลังอีกที
7.ไม่เคยคิดถึงอนาคต
บางคนอาจชะล่าใจ เอาแค่วันนี้พรุ่งนี้เป็นที่ตั้ง ขอให้ใช้ชีวิตผ่านไปวัน ๆ ได้ก็พอใจแล้ว อนาคตอาจเป็นเรื่องที่เรากำหนดไม่ได้ว่ามันจะเป็นยังไง แต่เราเตรียมตัวสำหรับอนาคตได้ เช่น หากเราอยู่ในจุดของหัวหน้าครอบครัว เป็นเสาหลักของบ้าน ถ้าวันหนึ่งเราเป็นอะไรไป คนข้างหลังคงลำบากน่าดู แต่ถ้าเราอดออม ซื้อประกันชีวิตเอาไว้ อย่างน้อยก็ยังมีส่วนนี้เข้ามาเติมเต็มให้พวกเค้าได้ แต่ถ้าเรามีชีวิตอยู่ถึงวันครบกำหนดสัญญา ก็ยังได้เงินคืน ซึ่งก็เหมือนการออมเงินอย่างหนึ่ง แถมได้ประกันชีวิตพ่วงมาด้วย
ลองคิดให้ไกลอีกสักหน่อย เรื่องเงินเป็นเรื่องใหญ่ จะบากหน้าไปให้ใครเค้าช่วยก็ไม่ได้ง่ายเลย ดังนั้นวางแผนการออมเงินสักนิด ปัญหาหลาย ๆ อย่างก็จะเบาลงได้
By : Parichart J.