หากได้รับหมายฟ้องขึ้นศาลหนี้บัตรเครดิต และก็รู้อยู่แก่ใจว่า ยังไงก็ไม่มีจ่าย เพราะภาระหนี้สินอื่น ๆ ก็ยังมีอีกเยอะ แต่ก็ยังมีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สินอยู่ เมื่อได้รับหมายฟ้องก็จะรู้สึกกลัว โดยเฉพาะกลัวการติดคุก ต้องบอกก่อนว่า หนี้บัตรเครดิตเป็นคดีเพ่ง ไม่มีการติดคุกใด ๆ ทั้งสิ้น
แต่การยึดทรัพย์อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าศาลตัดสินไปแล้ว และเราไม่ได้จ่ายชำระหนี้ตามศาลสั่ง เจ้าหนี้ก็จะดำเนินการสืบทรัพย์บังคับคดีต่อไป แต่ก็เป็นเรื่องที่ใช้เวลาพอสมควร ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ ให้มาดูวิธีการที่เราต้องเตรียมตัวเพื่อไปศาล และไปเจรจากับเจ้าหนี้ดีกว่า ว่าต้องทำยังไงบ้างถึงจะเป็นทางออกที่ดี
ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำไม่ใช่เฉพาะบัตรเครดิต ยังรวมไปถึงบัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่ออื่น ๆ ด้วย
5 วิธีเตรียมความพร้อม หากได้รับหมายฟ้องของเจ้าหนี้
1.อ่านคำฟ้องในหมายฟ้องให้เข้าใจ
ในคำฟ้องจะชี้แจงออกมาทั้งหมดว่า เป็นหนี้บัตรอะไร ของธนาคารหรือสถาบันการเงินไหน ผิดนัดการจ่ายชำระหนี้มานานเท่าไหร่ ยอดหนี้คงค้างกี่บาท แยกออกมาเป็น เงินต้น ดอกเบี้ยผิดนัดชำระ ค่าปรับผิดนัดชำระ และอื่น ๆ (ถ้ามี) ให้เราดูทั้งหมด และยังบอกอีกว่า ก่อนที่จะยื่นฟ้อง เจ้าหนี้เองได้พยายามติดตามทวงหนี้แล้ว แต่ก็ลูกหนี้เพิกเฉย จึงต้องยื่นฟ้องในที่สุด สิ่งที่เราต้องดูให้ดี ๆ คือ ยอดหนี้ในคำฟ้อง สมเหตุสมผลหรือไม่
2.ไปศาลตามนัด แต่ขอเจรจาประนอมหนี้
เมื่อเราไปศาลตามวันเวลาที่นัด ให้ตรงไปถามทนายโจทก์ก่อนเลยว่าอยากทำ Hair Cut หนี้ได้หรือไม่ ก็คือการเจรจาต่อรองลดยอดหนี้ ซึ่งยังไงก็ต้องได้อยู่แล้ว เพราะเหมือนเป็นนโยบายของสถาบันการเงิน เค้าจะเคาะยอดที่ลดให้เราเอาไว้ เพื่อแลกกับการได้เงินคืนจากเรา จะมีตั้งแต่ 30% – 70% ช่วงเวลานี้คือนาทีทอง เพราะจะได้ส่วนลดที่น่าสนใจมาก
หากเจรจาตกลงกันได้แล้ว ก็รอให้เจ้าหนี้ทำหนังสือสัญญามายืนยันด้วย ไม่งั้นอาจถูกหลอกได้ แต่ก็อย่าไปหลอกเจ้าหนี้ว่าจะจ่าย แล้วไม่จ่ายละกัน เพราะแค่เราผิดนัดชำระหนี้แม้แต่งวดเดียว เค้าจะส่งเรื่องสืบทรัพย์บังคับคดีและขายทอดตลาดต่อไป
3.ไปศาลตามนัด เพื่อให้ศาลพิพากษา
หากตัวเลขการทำ Hair Cut หนี้ไม่เป็นที่น่าพอใจ และยังไงเจ้าหนี้ก็ไม่ยอมลดให้ในจำนวนที่เราต้องการ เราก็ต้องเข้าสู่กระบวนการ เพื่อให้ศาลพิพากษา ซึ่งมีข้อดีคือ ศาลอาจจะพิพากษายอดหนี้ที่เราต้องจ่าย เป็นจำนวนเงินที่น้อยกว่าที่เจ้าหนี้ฟ้อง (ใช้คำว่า “อาจจะ”) โดยศาลจะพิจารณาว่าเราได้เสียดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับเจ้าหนี้ไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว ค่าติดตาม ค่าปรับอื่น ๆ ศาลท่านก็จะปรับลดให้เราด้วย
หลังจากศาลให้คำพิพากษาแล้ว ห้ามบิดพลิ้ว และต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ ตามกำหนดเวลาที่ศาลได้แจ้งเอาไว้ หากเราผิดนัดชำระ ทางโจทก์หรือเจ้าหนี้จะสืบทรัพย์บังคับคดี ยึดทรัพย์สินขายทอดตลาดต่อไป เพื่อเอาเงินมาจ่ายหนี้ที่เราค้างอยู่
4.ทำความเข้าใจเรื่องอายุความของบัตรแต่ละชนิด
ลองอ่านเรื่องอายุความ แล้วจะรู้ว่าจะได้เปรียบยังไง (ชนะคดีได้) แต่ยังไงก็ตาม ควรปรึกษาผู้รู้ให้เข้าใจ เพราะกว่าหนี้จะหมดอายุความ เราจะต้องผ่านการถูกทวงถามจากพนักงานทวงหนี้ทางโทรศัพท์ หรือมาพบในที่ทำงานและบ้าน (บ้าง) ด้วย
- หนี้บัตรเครดิตกี่ปีหมดอายุความ? ตอบว่าอายุความ 2 ปี นับตั้งแต่ผิดนัดชำระหนี้งวดสุดท้าย
- หนี้บัตรกดเงินสด อายุความกี่ปี? รวมถึงหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล มีอายุความ 5 ปี นับตั้งแต่ผิดนัดชำระครั้งสุดท้าย
- หนี้วงเงินเบิกเกินบัญชี (OD) มีอายุความ 10 ปี นับตั้งแต่ผิดนัดชำระตามสัญญา
- หนี้เน่าของลูกหนี้ ที่ธนาคารขายให้กับบริษัทรับบริหารหนี้เสีย ส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่หยุดจ่ายนาน ใกล้หมดอายุความ หรืออาจหมดอายุความไปแล้ว
หากพอเข้าใจเรื่องอายุความกันแล้ว ไปอ่านข้อต่อไปต่อกันเลย
5.กรณีเจ้าหนี้ทวงถามการชำระหนี้ที่หมดอายุความ
หากอยู่มาวันหนึ่ง เราถูกเจ้าหนี้ยื่นฟ้องหนี้ที่หมดอายุความไปแล้ว คือเกินปีที่ระบุไว้ตามข้อ 4 เรามีหน้าที่ต้องยื่นคำให้การต่อสู้คดีไปตามขั้นตอน โดยส่วนใหญ่ผู้ที่ฟ้องจะไม่ใช่ธนาคาร เพราะหนี้เน่าเหล่านี้ จะถูกขายให้กับบริษัทรับบริหารหนี้เสียไปแล้ว
แต่หากเราอยากจ่ายบางส่วน เพื่อต้องการให้เรื่องมันจบไป ก็ให้เจรจาต่อรองกับเจ้าหนี้ หากเงินจำนวนนี้ไม่ทำให้เจ้าหนี้ขาดทุน เค้าก็อาจจะยอมรับเอาไว้ แต่หากเจ้าหนี้ไม่ยอมรับเอง ก็ไม่ต้องสนใจ ไปต่อสู้กันต่อในชั้นศาล โดยมีคำแนะนำตามกฎหมายฝากไว้ตรงนี้ว่า คดีที่หมดอายุความแล้ว หากเจ้าหนี้ฟ้องมา ลูกหนี้ไปต่อสู้ในศาล ศาลจะมีคำพิพากษายกฟ้อง
By.Parichart J.